ตั้งแต่ได้เห็นคีย์บอร์ด Lofree Flow 2 ใน Kickstarter ก็รับรู้ได้ทันทีว่ามันต้องปังแน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มคนที่อินกับวัสดุ และงานประกอบแน่นๆ อย่างเช่น ผมนี่แหละ
Lofree Flow 2 รอบนี้มากับการผลิตแบบ CNC – Forged Mastery ซึ่งเป็นการนำ Aluminum คุณภาพสูงทั้งชิ้นมาขึ้นรูปแบบไร้รอยต่อ มีความโค้งมน บาง แน่น หรูหรา และยังคงออกแบบตามสรีรศาสตร์ในการพิมพ์เป็นเวลานานๆ เขาว่างี้นะ แต่สำหรับผมคิดว่าจุดนี้ยังไม่เท่าไหร่ เพราะฐานยังมีความสูงอยู่
Lofree Flow 2 ยกระดับไปอีกขั้นในด้านการผลิต และเลือกวัสดุ โดยใช้การขัดผิวแบบ #205 Grit – Anodized Processing เพื่อให้ได้ผิวด้านเรียบ ลดรอยนิ้วมือ ทนต่อรอยขีดข่วน แข็งแรง จะรู้สึกได้ตั้งแต่การจับถือในครั้งแรก
อยากรู้ว่ามันรู้สึกยังไง มันคือความรู้สึกเดียวกับเวลาที่เราจับ Macbook เลยครับ

ผมเป็นคนที่ชอบจัดโต๊ะคอมมากๆ แล้วก็อินกับ Keyboard สาย Productive อีกด้วย เพราะส่วนตัวคิดว่า นอกจาก Smartphone ก็มี Keyboard นี่แหละ ที่ต้องอยู่กับเราทั้งวัน โดยมันจะถูกแบ่ง Lifestyle ออกได้ง่ายๆ ชัดๆเลย คือ วันหยุดจับ Smartphone ส่วนวันทำงานจับ Keyboard เป็นแบบนี้วนไป
ผมใช้ Mac Mini และชอบที่จะเลือกใช้ Mouse – Keyboard แบบไร้สาย ชอบให้โต๊ะคลีนๆ ไว้ก่อน มันช่วยให้เรารู้สึกดีเวลานั่งทำงานนานๆ
ชอบใช้ Keyboard ไม่เกิน 75% ผมไม่ใช้ Numpad ไม่ชอบ Full Size ชอบความกระทัดรัด เน้นทำงาน ไม่เล่นเกมส์ และที่สำคัญ มันต้องดูพรีเมี่ยมแบบไม่ตะโกน น้อยแต่มาก เรียบง่าย แต่ดูดี เป็นโจทย์ในการเลือกซื้อของผม แอบน้อยแต่มากเอยู่เหมือนกันนะ …
มีอะไรในกล่อง?
ทันทีที่เปิดกล่องออกมาก็รับรู้ได้ถึงความพรีเมี่ยมของเจ้าตัว Flow 2 ส่วน Packageing โดยรวมทำออกมาเรียบง่าย โดยจะมีสาย USB C , USB 2.4 สำหรับใช้งานไร้สาย , Keycap Extra สำหรับใช้งานกับ Window แล้วก็คู่มือที่เราทุกคนอ่านกันนั่นเอง
Flow 2 วางขายทั้งหมด 3 Layout ได้แก่ 68 Key , 84 Key , 100 Key


ความเรียบง่ายแบบมินิมอล และคุณภาพการสร้างระดับพรีเมียม
Lofree Flow 2 ได้รับการออกแบบมาด้วยแนวคิดมินิมัลที่เน้นความสะอาดตา แต่ไม่สูญเสียความโดดเด่น ตัวคีย์บอร์ดมาในรูปแบบ low profile ที่มีความบางและกระชับ ช่วยให้การพิมพ์เป็นไปอย่างลื่นไหล แต่ถ้าใช้เป็นเวลานานๆ จะแอบเมื่อยเกร็งอยู่นะ

ประสบการณ์การใช้งาน Lofree Flow 2
ฟีลลิ่งการพิมพ์ ของ Lofree Flow 2 ให้ความรู้สึกที่สมดุลระหว่างความนุ่ม และความแน่น ส่วนตัวรู้สึกชอบ Switch ที่ให้ฟิลลิ่งแบบนี้ แต่ว่าเรื่องนี้ต้องไปลองเองจริงๆ เพราะความชอบของแต่ละคนแตกต่างกันไป สวิตช์ที่ใช้งานได้รับการปรับแต่งมาเป็นพิเศษ เพื่อให้ได้เสียงที่ไม่รบกวน แต่ยังคงความคมชัดในการตอบสนอง
การออกแบบ Ergonomic ช่วยลดความเมื่อยล้าของข้อมือได้ในระดับหนึ่ง แต่สำหรับผมที่มาจาก Apple Magic Keyboard กับ Logitech Mx key ที่แทบจะแบนราบไปกับโต๊ะ Lofree Flow 2 ยังคงต้องปรับตัวอยู่นิดหน่อย แต่ถ้าหากว่าใช้ Keyboard กลุ่ม Keyboard mechanical ก็ไม่มีปัญหาเพราะฐานค่อนข้างมีความสูงอยู่แล้ว

Ergonomic Profile and Adjustability
แม้จะเป็นคีย์บอร์ด Low-profile แต่ Flow 2 มีความสูงด้านหน้าที่ 21mm และมีขอบเคสที่ค่อนข้างคม ที่ความสูง 15mm ซึ่งนักวิจารณ์บางคนพบว่าทำให้รู้สึกสบายมือน้อยกว่ารุ่นแรก และอาจจำเป็นต้องใช้ที่รองข้อมือช่วย แต่ Flow 2 ได้เพิ่มฟีเจอร์ที่หลายคนเรียกร้อง นั่นคือเพิ่มขาตั้งอลูมิเนียมแบบพับได้ ซึ่งให้องศาการพิมพ์ที่ 5° สำหรับรุ่น 84/100-key และ 7° สำหรับรุ่น 68-key นับเป็นการอัปเกรดจากรุ่นแรกที่มีองศาการพิมพ์คงที่ แต่โดยส่วนตัวแล้วผมไม่กางครับ มันสวยกว่า ฮ่าๆ
The Lofree x Kailh “Cloud Series” Switches
Lofree ได้ร่วมมือกับ Kailh เพื่อพัฒนาสวิตช์ Low-profile รุ่นใหม่ในชื่อ “Cloud Series” ซึ่งมี 3 แบบให้เลือก :
- Void (Silent Linear): สวิตช์แบบจังหวะเดียวที่ออกแบบมาให้เงียบเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความหนึบแบบเงียบๆ
- Surfer (Linear): สวิตช์แบบจังหวะเดียว ให้สัมผัสที่ลื่นไหล และสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับการพิมพ์เร็ว และเล่นเกม
- Pulse (Tactile): สวิตช์แบบสองจังหวะ มีแรงต้านเล็กน้อย (bump) พิมพ์งานสนุก เล่นเกมส์ก็บันเทิง

Redesigned Keycaps: การปรับปรุงที่สัมผัสได้
Redesigned Keycaps: การปรับปรุงที่สัมผัสได้ คีย์แคปของ Flow 2 เป็นอีกหนึ่งจุดที่มีการพัฒนาอย่างเห็นได้ชัด โดยเปลี่ยนมาใช้วัสดุ PBT+PC แบบ Double-shot. การเพิ่มสัดส่วนของ PBT ทำให้คีย์แคปทนทานต่อความขึ้นเงาจากเหงื่อ และไขมันบนนิ้วมือได้ดีกว่ารุ่นแรกอย่างมาก ส่งผลต่อการใช้งานระยะยาวได้ดีกว่าการขึ้นรูปแบบ ABS และที่สำคัญกว่าการขึ้นเงา คือ มันดูไม่สกปรกครับ

0.1 mm การเปลี่ยนแปลงที่เล็กน้อย แต่ไม่เลย (ในทางวิศวกรรม) นะ
ทาง Lofree บอกไว้ว่า “การเปลี่ยนแปลงเพียงแค่ 0.1 mm อาจจะฟังดูเล็กน้อยมากๆ แต่ในทางด้านวิศวกรรม 0.1mm คือ การเปลี่ยนแปลงที่ไม่น้อยเลย คุณอาจจะมองไม่เห็น แต่คุณจะรู้สึกได้แน่นอน” นั่นแหละครับท่านผู้ชม ท่านต้องไปลองด้วยตัวเอง
เชื่อมต่อแบบ Tri-Mode Connectivity: การอัปเกรดครั้งใหญ่
หนึ่งในการอัปเกรดที่ได้รับการชื่นชมมากที่สุดคือการเชื่อมต่อแบบ Tri-Mode ที่ครอบคลุมทุกการใช้งาน
Bluetooth 5.3: รองรับการเชื่อมต่อพร้อมกันสูงสุด 3 อุปกรณ์ และสลับการใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
2.4GHz Wireless: การเพิ่มโหมดนี้เข้ามาถือเป็นก้าวสำคัญ โดยมาพร้อมกับ Dongle USB และรองรับ Polling Rate สูงถึง 1000Hz ซึ่งให้การตอบสนองที่รวดเร็วและมีค่าความหน่วงต่ำ (low latency) เหมาะสำหรับการเล่นเกมที่ต้องการความแม่นยำสูง ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดหายไปใน Flow รุ่นแรก
Wired USB-C: สำหรับการเชื่อมต่อที่เสถียรที่สุด และการชาร์จไฟไปในตัว
แต่ยังมีข้อสังเกตเล็กน้อยคือตัวคีย์บอร์ดไม่มีช่องสำหรับเก็บ Dongle 2.4GHz ในตัวนะ

Battery Life
Flow 2 ได้รับการอัปเกรดแบตเตอรี่ครั้งสำคัญสำหรับรุ่นใหญ่ โดยมีความจุแตกต่างกันไปตามเลย์เอาต์ :
- 68-key: 2000mAh (เท่ากับ Flow รุ่นแรก)
- 84-key & 100-key: 3000mAh (เพิ่มขึ้น 50% จากรุ่นแรกที่มี 2000mAh)
Lofree อ้างว่าแบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานสูงสุด 90 ชั่วโมงสำหรับรุ่น 68-key และ 120 ชั่วโมงสำหรับรุ่น 84/100-key (เมื่อปิดไฟ Backlight)
จากการใช้งานจริงของผู้รีวิวบางรายพบว่าในการใช้งานหนัก แบตเตอรี่อาจอยู่ได้ประมาณ 3-4 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง

The Side Touch Bar: นวัตกรรมหรืออุปสรรค?
ฟีเจอร์ใหม่ที่โดดเด่นและเป็นที่ถกเถียงไม่แพ้ดีไซน์ คือ แถบสัมผัส (Capacitive Touch Bar) ที่ด้านข้าง ซึ่งใช้สำหรับควบคุมระดับเสียงของระบบ และความสว่างหน้าจอ (เมื่อกดร่วมกับปุ่ม Fn). แม้จะเป็นแนวคิดที่น่าสนใจ แต่การนำไปใช้งานจริงกลับเต็มไปด้วยปัญหา:
- ขาดความแม่นยำ: การควบคุมทำได้ไม่ละเอียดอ่อน การเลื่อนนิ้วเพียงเล็กน้อยอาจทำให้ระดับเสียงพุ่งจากต่ำสุดไปสูงสุดอย่างรวดเร็ว
- การทำงานโดยไม่ตั้งใจ: ตำแหน่งของ Touch Bar ทำให้ง่ายต่อการสัมผัสโดนโดยไม่ได้ตั้งใจขณะใช้เมาส์ หรือขยับคีย์บอร์ด ส่งผลให้ระดับเสียงเปลี่ยนไปอย่างน่ารำคาญ
- การปรับแต่งที่จำกัด: ไม่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันของ Touch Bar ผ่านซอฟต์แวร์ VIA ได้
Lofree ได้รับทราบถึงปัญหานี้ และให้คำมั่นว่าจะเพิ่มฟังก์ชัน “ล็อค Touch Bar” ในเฟิร์มแวร์ของรุ่นที่ผลิตจริงเพื่อแก้ปัญหาการทำงานโดยไม่ตั้งใจ

สรุป Lofree Flow 2 น่าสนใจไหม เหมาะกับใคร?
การออกแบบที่พรีเมี่ยม รายละเอียดดี แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีข้อสังเกตุเลย เช่น พื้นที่ว่างฝั่งขวามันยื่นออกมาดูไม่สมมาตร ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหา แต่พอได้ใช้งานจริงๆ ก็รู้สึกขัดใจอยู่บ้างนะ รวมถึงแถบด้านข้างยังไม่แม่นยำกับการสัมผัสเท่าไหร่ (รอ Software Update) และถึงจะบอกว่าถูกออกแบบตามสรีรศาสตร์ ส่วนตัวผมก็ยังรู้สึกว่าขอบมันสูง และแอบคมอยู่ดี ถ้านึกไม่ออกให้ลองวางมือพิมพ์งานระหว่าง Macbook Air กับ Macbook Pro ดู ความรู้สึกบนสันมือจะประมาณนั้นเลยครับ
แต่โดยรวมๆ ก็ยังดูน่าสนใจอยู่ ส่วนตัวเพราะผมชอบความเป็น CNC กับงาน Design ที่เรียบง่าย รวมถึงสัมผัสการกด และน้ำหนักของมัน จึงมองข้ามเรื่องจุกจิกได้ครับ
คะแนน Lofree Flow 2 : 7/10
